สแลชเชอร์คอมเมดี้ บอสฉัน..ขยันเชือด แปลกใหม่ ไอเดียเชิญชวนว้าว อ้าว..อีหยังวะ

สแลชเชอร์คอมเมดี้

สแลชเชอร์คอมเมดี้ ไท เอ็นเตอร์เทนเมนต์นับเป็นบริษัทหนังไทยที่กล้าผลิตหนังวิถีทางใหม่ ๆ

สแลชเชอร์คอมเมดี้ มาสร้างความครึกครื้นให้วงการหนังไทยเสมอตั้งแต่ปรากฎการณ์นางนาก หนังไทยร้อยล้านเรื่องแรก จวบจนกระทั่งต่อมาได้ร่วมทำหนังกับ จีเอ็มเอ็ม ก็ยังได้ผลิตผลงานเธอภาพขวัญใจมหาชนออกมานับไม่ถ้วน หรือจะเป็นที่ผ่านมาที่ได้ร่วมงานกับ โมโนฟิล์ม ทำค่าย ที-โมเมนต์ ที่แม้ว่าจะมีหนังเพียงแต่ 3 เรื่องถ้วนดังเช่น โอเวอร์ไซส์ ทลายพุง, แอปชนแอป และก็ เมืองนรก 6 เมตร ก็ยังนับว่าได้สร้างความแปลกใหม่ให้วงการหนังไทยอีกครั้ง

และก็ด้านหลังเปิดตัวความร่วมแรงร่วมใจตอนนี้กับทางเมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์จนได้เปิดค่าย ไทเมเจอร์ รวมทั้งถือเป็นการร่วมงานกันอย่างเป็นทางการของคนเครือญาติวรลักษณ์ ทั้งยังวิสูตร (ไท เอ็นเตอร์เทนเมนต์) และ วิสสุต (เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์) ก็ทำให้ความมุ่งหวังที่มีต่อบิ๊กวงการหนังทั้ง 2 อยู่ในระดับสูงสุดรวมทั้งผลงานประเดิมค่ายที่ขอออกฉายหยั่งเชิงก็ได้แก่ บอสฉัน..ขยันเชือด หนังคอมเมดี้หัวข้อนี้นี่เอง

ตัวหนังเริ่มเรื่องด้วยคลิปจากแชนแนล ‘กี้ษาท้าพิสูจน์’ ที่ช่วยแนะนำให้เรารู้จักกับ โบกี้ (ไอซ์-ปรีชญา พงษ์ธนานิกร) และเมษา (มุกดา นรินทร์รักษ์) อดีตสมัยคู่ขายูทูบเบอร์สมัยมัธยมที่ปัจจุบ้นจำเป็นต้องดำรงชีพเป็นพนักงานประจำในบริษัทผลิตเสื้อยืด ข่าวหนัง มาร์เวล

แม้ว่าหลังจากวันดีคืนดีที่พวกเธอและ หลินฮุ่ย (ผักกาด-พอวิไล อภิรัชฎาพร) ได้พบเจอแฟลชไดร์ฟของนอท (นอท-สัณหณัฐ ทิราชีพ) หนุ่มไอทีที่ทำวิดีโอกล่าวมาว่าเธอต้น (สหรัถ สังคปรีชา) บอสประจำบริษัทเป็นฆาตกรต่อเนื่อง พวกท่านก็เลยต้องหาทางพิสูจน์ความเป็นจริงก่อนจะแปลงเป็นเหยื่อรายต่อไป

สแลชเชอร์คอมเมดี้

สแลชเชอร์คอมเมดี้ หนังได้ ภูเขาวนิตย์ ผลในด้านดี จาก โอเวอร์ไซส์ทลายท้อง แล้วก็ ศรณ์พัฒน์ ปราการะความสนุก

สแลชเชอร์คอมเมดี้ มาร่วมกันแต่งเรื่องราวแนบสอบปากคำคอมเมดี้ที่มีกลิ่นแบบหนังสแลชเชอร์ซึ่งนับเรื่องได้สำหรับวงการหนังไทย โดยหากแม้พินิจพิเคราะห์จากไอเดียเริ่มต้นที่มันใส่ใจเย้าแหย่กันระหว่างงานสถานที่ทำงานที่ฆ่าความฝันกับฆาตกรต่อเนื่องที่ฆ่าเหยื่อสาวออฟฟิศแล้วโยนความไม่น่าไว้วางใจให้กับนายอย่างเธอ ต้นก็ถือว่าเป็นไอเดียที่น่าสนใจไม่น้อยเลย

อีกทั้งการได้ไข่มุกศิลปินสาวช่อง 7 ที่เคมีการแสดงเข้ากันกับไอซ์ ปรีชญาอย่างดีเยี่ยมก็ทำให้ตัวหนังมีจุดที่ทำให้ผู้ชมติดตามรวมถึงลุ้นไปกับทั้งคู่ได้แม้หนังจะไม่ได้มีผู้แสดงนำชายเช่นเดียวกันกับหนังไทยเรื่องอื่น หมกหมุ่นอยู่กับบางสิ่ง

ส่วนก้อง สหรัถก็ขายเสน่ห์บอสหนุ่มใหญ่สุดหล่อที่มองดูอันตรายไม่น่าไว้วางใจ เพียงนี้ตัวหนังก็สามารถเล่นเบิกบานกับคาแรกเตอร์ที่สร้างมาได้อย่างยอดเยี่ยมแล้ว ก็แค่ตัวบทหนังก็ยังคงมีช่องโหว่ที่ยิ่งหนังเดินเรื่องไปก็ยิ่งถ่างออกจนกระทั่งแน่ชัดขึ้นบ่อย

ความเห็นประการแรกที่หนังไม่น่าพลาดเลยเป็นการปูความเกี่ยวข้องของผู้แสดงโบกี้กับเมษานี่แหละที่บอกตามจริงว่าถึงแม้ว่าฉากเปิดเรื่องจะเปิดด้วยคลิปของทั้งคู่ หากแม้กว่าหนังจะมาปูการขัดกันของทั้งคู่ก็เหวี่ยงไปองก์สองของหนังแล้ว

ที่สำคัญความไม่ถูกกันของทั้งคู่ยังพรีเซ็นท์ออกมาในลักษณะเพื่อนสาวที่ขอคืนดีงแง้งกันมากกว่า แล้วหลังจากนั้นก็ยังไม่พอหนังยังเพิ่มหลินฮุ่ยนักแสดงเพื่อนพ้องสาวคนใหม่ของเมษาที่แทบไม่จำเป็นกับเรื่องราวมากแค่ไหนเข้าไปอีก

หมกหมุ่นอยู่กับบางสิ่ง

ประการต่อมาเป็นการตัวอย่างหนังที่ตัดออกมาโปรโมตผู้ชม

อดมุ่งมาดไม่ได้เลยว่า ตัวหนังน่าจะออกมาระทึก และก็มีคนเสียชีวิต ตามทางจนกระทั่ง เรื่องตึงเครียดขึ้นมา ปรากฎว่าทั้งยัง ประเด็นการการฆ่าสังหาร เป็นเพียงโบราณกาล ที่เกิดขึ้นนานเป็นปี ๆ เพียงแต่ศพเดียว

แล้วหนังก็เสียเวล่ำเวลา จับแพะชนแกะ ตามทางเอาทั้ง ความคับข้องใจแบบลอย ๆ ไปคุยกับดร.อัง (โอ๊ต ความหรรษา ปาชตุน) หรือพี่ปั่น (เผือก พงศธร ต้องพิลาส) จนตราบเท่าเรา อดสงสัยในระดับ สติปัญญาของสาย 3 สาวไม่ได้เลย

ที่สำคัญเป็นจุดหักมุมของมัน ก็มาในแบบจับยัดมากกว่า จะมีการปูเงื่อนนี้ มาแต่แรกเริ่มไป อย่างโชคร้าย ประการสุดท้ายเลย เป็นงานดูแลของหนัง ยังไม่สามารถ ที่จะทำให้ผู้ชมลุ้นระทึก เรียกตัวละคร หรือสถานะการณ์ในเรื่อง

ถึงแม้ว่าหนังมีฉาก ที่เอื้อต่อขั้นตอน การทำให้ผู้ชมตามติด รวมทั้งอกสั่นขวัญแขวนได้มาก ทั้งฉากในห้องล้างรูปบ้านของบอสต้น ไปกระทั่งจุดสูงสุด ของหนังที่แม้ว่า จะทำให้ผู้ชมได้หัวเราะ แล้วก็ร่าเริงบ้าง

หากแม้จังหวะของมันก็เฉื่อย ๆ จนกระทั่งผิดฟอร์มหนังทริลเลอร์ อีกทั้งการควบคุม การแสดงที่เหมือน ผู้กำกับเองก็ยังไม่มั่นใจ ว่าจะให้ศิลปิน รีแอ็กกับเหตุตรงหน้าเช่นไร ตราบจนกระทั่งดูวุ่นวายใจ

มุกที่ให้หลินฮุ่ย เอาตัวชนกับผู้ร้าย ก็มองดูเป็นมุกสังขาร ที่เกินความรู้ความเข้าใจ ไปหน่อยจนกระทั่ง มันดูกระอักกระอ่วนเกิน จะหัวเราะออกมาดัง ๆ แต่ว่าอีกหนึ่งไอเดียที่ดีงาม ๆ แต่ดันมาตอนสุดท้าย เป็นคำบอกเล่าของฆาตกร ที่ว่าด้วยสังคม การทำงานแบบไทย ๆ

โดยเฉพาะเรื่องเส้น ที่เอาคนรู้จักกัน หรือมีส่วนเกี่ยวข้อง เข้ามาดำเนินการ ด้วยวิธีการพิเศษ ซึ่งถ้าหนังปูเรื่องส่วนนี้ดี ๆ มันจะกลายเป็นหนังไทย ที่มีบทหนังวิพากษ์สังคม การบ้านการเรือน ที่ทำงานที่เฉียบคมเยอะมาก ๆ

อย่างไรก็ดีถ้าเกิดคนไหนกัน จะเข้าไปเสพหนังบันเทิงใจ ๆ สักเรื่องที่มีดารามีเสน่ห์ มาเพ่นพ่านกันบนจอ บอสฉัน..ขยันเชือดก็จัดว่า ยังตอบปัญหาอยู่ดี เรื่องแรกของค่าย ไท เมเจอร์ ของวิสูตร และจากนั้นก็วิชา พูลวรลักษณ์ สองลูกพี่ลูกน้อง ที่ทำธุรกิจภาพยนตร์ (อดีตกาลค่ายไท เอนเตอร์เทนเมนท์, หนึ่งในหุ้นส่วนของค่าย จีทีเอช แล้วหลังจากนั้น ก็หุ้นส่วนของค่ายหน-โมเมนต์) แล้วก็ธุรกิจโรงภาพยนต์ (เครือโรงภาพยนต์ เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์) มาอย่างนาน

Share:

Author: admins