ใบเบิกทางของมาร์เวล ในยุคที่ ไมเคิล แจ็กสันรุ่งสุด ๆ จากการเป็นป๊อปสตาร์ระดับโลก

ใบเบิกทางของมาร์เวล ที่มีรายได้เป็นอย่างมาก จากยอดขายเพลง แล้วก็การแสดงดนตรีทั้งโลกแล้ว เขายังเป็นเจ้าของอสังหาริมทรัพย์ และลิขสิทธิ์เพลงอีกมากมาย ในปี 1985 เขาเป็นเจ้าของเพลงที่มากถึง 251 เพลง ของเดอะ บีทเทิลส์ แล้วยังเป็นเจ้าของ 

เพลงบางส่วนของ บ็อบ ดีแลน แล้วก็ เอมิเน็ม ด้วย ในช่วงเวลาที่เขาแต่งงานกับ ลิซา มารี เพรสลีย์ ลูกสาวของเอลวิส ก็มีข้อมูลว่าไมเคิลอาจจะได้มีส่วน สำหรับการถือลิขสิทธิ์ เพลงของเอลวิส เพรสลีย์ ด้วย ด้วยเหตุนี้ข่าวใหม่นี้ ข่าวหนัง มาร์เวล

ที่ว่าไมเคิลเคยพยายาม ที่จะซื้อมาร์เวล พับลิชชิง ก็เลยไม่ใช่เรื่อง น่ามหัศจรรย์นัก ข่าวนี้เคยได้รับ การเปิดเผยมาแล้ว ก่อนหน้าที่ผ่านมาจาก แสตน ลี หนึ่งในผู้ก่อตั้ง สำนักพิมพ์มาร์เวล และได้รับการยืนยันอีกครั้งจาก โทเรียนโน เอเดรียอัลแจ็กสัน

หรือ ทาจ แจ็กสันเขาเป็น ลูกชายคนโตของ ทิโท แจ็กสันพี่ชายของไมเคิล แจ็กสันสมาชิกวง แจ็คสัน 5 ทาจ แจ็กสันในวัย 47 ปี ทาจ เล่าถึงเรื่องนี้ ในระหว่างการให้สัมภาษณ์ ในรายการ ป็อบคอร์น แพนลเนท ว่าจริงแท้แค่ไหน

ใบเบิกทางของมาร์เวล ที่เคยมีข่าวว่า ไมเคิล แจ็กสันได้พยายาม จะซื้อบริษัทมาร์เวล พับลิชชิง ในยุค 90s

ด้วยเหตุว่าเขาชื่นชอบ สไปเดอร์แมน แต่ว่าเป็นเพียงแค่ ความสนใจขั้นแรก ยังไปไม่ถึงขนาดตอน เจรจาเซ็นสัญญา “ผมจำหัวข้อนี้ได้นะครับ ผมจำได้ว่า ในขณะนั้นผมอยู่กับน้องๆและก็อาไมเคิล ก็เล่าว่าเขาสนใจ จะซื้อมาร์เวล เขาอยากจะซื้อ ต่อจากสแตน ลี ฮีโรหน้าใหม่

เท่าที่ฟัง เขาได้เจรจากัน ไปแล้วด้วย แม้กระนั้นก็โชคร้ายนะ ที่ดีลนี้ไม่เป็นผลสำเร็จ ผมรู้สึกว่าเขายกเลิก กันไปซะก่อน ผมไม่ทราบเหตุผลจริงๆหรอกนะว่าเพราะเหตุใด” ทาจ แจ็กสันหนึ่งใน สมาชิกบอยแบนด์ 3T เมื่อปี 1994 แม้ทาจจะไม่เคยทราบ แต่ว่าต้นสายปลายเหตุที่ดีลนี้

ใบเบิกทางของมาร์เวล ไม่เป็นผลสำเร็จ คนเก่า ๆ ในแวดวงที่ทราบเหตุผลนี้ ก็คนจำนวนไม่น้อยอยู่ ในตอนปี 90s นั้น สถานที่พิมพ์มาร์เวล เจอปัญหา ทางด้านการเงินอย่างมาก ในปี 1996 ก็เคยโดนฟ้องล้มละลาย มาแล้วด้วย แล้วในตอนนั้น ก็เป็นตอนๆขาลง ของไมเคิลแล้วด้วย

ทำให้สถานะด้านการเงิน ของไมเคิลไม่อู้ฟู่ เหมือนแต่ก่อน ในหนังสารคดี ลีฟวิ่ง เนเวอร์แลนด์ ปี 2019 ก็ได้กล่าวถึง กระแสข่าวลือหัวข้อนี้ว่า เหตุผลหนึ่งที่ไมเคิลอยากจะซื้อมาร์เวล ก็เพราะเหตุว่าเอามาใช้ เป็นเครื่องไม้เครื่องมือ ล่อใจความสนใจ เด็กผู้ชาย

ซึ่งไปใกล้เคียง กับข่าวสาร ฉาวโฉ่เรื่องไมเคิลมีคดี “ล่วงละเมิดทางเพศ” กับเด็กผู้ชายคนจำนวนไม่น้อย มาก่อนหน้านั้น

ส่วน ทาจ แจ็กสันเผยว่าแรงจูงใจสำคัญ ที่ทำให้ไมเคิลสนใจจะซื้อกิจการมาร์เวลนั้น

ก็เป็นด้วยเหตุว่าเขา มีความคลั่งไคล้ ในสไปเดอร์แมน มาตั้งแต่ยังเป็นเด็กแล้ว “นอกจากตัว สไปเดอร์แมนแล้ว เขาก็ยังเป็นแฟนตัวยง ของมาร์เวลด้วย เขารู้จักตัวละครทุกตัว ของมาร์เวลเลย และก็ใช่นะ เขาบางครั้งอาจจะ ต้องการเล่นเป็นสไปเดอร์แมน

เองด้วย (หัวเราะ)” แต่ว่าเมื่อดีลระหว่างไมเคิลกับมาร์เวล ไม่เกิดขึ้น ก็ผ่านไปจนกระทั่งปี 2002 ที่หนังสไปเดอร์แมน (2002) ภาคแรกออกฉาย หนังประสบความสำเร็จมากมาย นั่นเหมือนกับ ใบเบิกทางของมาร์เวล ให้มองเห็นหนทาง พาบริษัทตัวเอง

ออกมาจากสถานการณ์วิกฤต รวมทั้งเปิดจักรวาล หนังตัวเองในตอนหลัง แล้วดิสนีย์ก็เป็น ผู้ครอบครองมาร์เวลในปี 2009 ด้วยราคาการซื้อขาย 4,000 ล้านเหรียญ