ผลัดใบเพื่องอกงาม หนังชีวิตลึกซึ้ง ที่เข้าถึงคนทุกเชื้อชาติ

ผลัดใบเพื่องอกงาม

ผลัดใบเพื่องอกงาม เมื่อความฝันถูกตั้งปัญหาเมื่อเลื่อมใสถูกทดลองมีเพียงแค่กำลังใจจาก’ครอบครัว’ ที่จะอยู่ข้างเคียงกัน ดอกมินาริ หรือดอก บัตเตอร์คัป เป็นดอกไม้ป่า

ผลัดใบเพื่องอกงาม ที่มีคุณลักษณะของวัชพืชอย่างสมบูรณ์ ด้วยเหตุว่าขึ้นง่ายในทุกๆที่รวมทั้งคงทน เมื่อผ่านการผลัดใบไปและยิ่งจะเจริญงอกงาม และก็มีดอกสีเหลืองงามให้พวกเราได้ชื่นชอบ จากเรื่องราวที่เกิดขึ้นจริงในชีวิตของผู้กำกับ ลี ไอแซค จอง เปลี่ยนมาเป็นภาพยนตร์ชีวิตที่พร้อมจะบอกกับทุกคนว่า พลังความรักในครอบครัว ทรงอานุภาพมากมายก่ายกองขนาดได้ไหน

เรื่องราวในสมัย 80s จาค็อบ (สตีเวน ยอน) และก็ โมนิกา (ฮันเยริ) สองผัวเมีย ตกลงใจจากถิ่นฐานบ้านช่องมาตายเอากระบี่หน้า ตั้งมั่นเป็นจริงเป็นจังว่าจะลงหลักปักฐานในดินแดนที่ผิดแผกแตกต่าง เป็นสหรัฐฯ สองคนทำงานอยู่ในโรงงานคัดเพศลูกไก่ ที่แคลิฟอร์เนีย

ผลัดใบเพื่องอกงาม

แต่ว่าจาค็อบมีฝันต้องการเป็นเกษตรกรผู้ครอบครองฟาร์ม ด้วยเงินเก็บที่มีรวมทั้งฝันที่ใหญ่เพื่ออนาคตของครอบครัว เขาตกลงใจพาเมียและก็ลูกๆแอนน์ (โนเอล โช) และก็ เดวิด (อลัน คิม) ออกมาจากแคลิฟอร์เนีย มุ่งเข้าสู่เมืองบ้านนอกในเมืองอาร์คันซอ ตรงนี้ ทำให้เขาซื้อที่ดินได้มากกว่า 5 เอเคอร์ถึง 10 เท่า และก็บทพิสูจน์ของชีวิตก็เริ่มขึ้นตรงนี้

เมื่อทุกๆอย่างจำเป็นต้องเริ่มจาก ‘ศูนย์’ รวมทั้งสิ่งที่มองเห็นอยู่เบื้องหน้าแตกต่างจากสิ่งที่คิดไปไกลลิบลับ โมนิกาเป็นแม่ที่จำต้องดูแลลูกเล็กๆที่ป่วยด้วยโรคหัวใจอย่าง เดวิด เป็นเมียที่มีเชื่อถือในตัวผัวรวมทั้งให้คำปฏิญาณกันไว้ ในวันสมรสว่า “พวกเราจะอยู่เพื่อกันและกัน” ถ้าหากพวกเราเป็นโมนิกา พวกเราจะร่วมเจอปัญหาที่มีอยู่เบื้องหน้าไปกับ จาค็อบ ด้วยความรู้สึกแบบไหน รวมทั้งถ้าหากพวกเราเป็นจาค็อบ อะไรเป็นความแน่ใจในฐานะผู้นำครอบครัว นี่เป็นปริศนาแรกที่ภาพยนตร์ใส่เอาไว้ตั้งแต่ต้นเรื่องกันอย่างยิ่งจริงๆ ข่าวหนัง มาร์เวล

จาค็อบพาครอบครัวมาสู่บ้านใหม่ที่เป็นเพียงแต่ตู้คอนเทนเนอร์ติดล้อ ตั้งสูงเด่นอยู่ท่ามกลางทุ่งกว้างสุดสายตา ทุกสิ่งที่ฝันไว้จำเป็นต้องเริ่มจากศูนย์ ปักเสาฤกษ์ของชีวิตด้วยสองมือของเขาเอง แล้วก็ควรเป็นเสาแข็งแรงที่พร้อมจะประสบเจอกับปัญหามากที่รออยู่ข้างหน้า แต่ว่าก็เป็นปกติของการเริ่มต้น ที่จะจำต้องประคับประคองกันเดินไปบนถนนหนทางโรยก้อนกรวดให้ได้ตลอดรอดฝั่ง

ปัญหาอีกหลากหลายก็เลยเกิดขึ้นในหัวใจของนักแสดงในเรื่อง รวมทั้งแน่ๆว่าปัญหาพวกนั้นเข้ามาอยู่ในหัวใจของผู้ชมไปพร้อมเพียงกัน ด้วยพล็อตที่เป็นครอบครัวประเทศเกาหลีย้ายถิ่น ไปตั้งภูมิลำเนาที่อเมริกาเมื่อปี 1980 กระทั่งมีความต้องการต้องการเป็นเจ้าของฟาร์ม

เรียกว่าเป็นฝันยิ่งใหญ่ที่จะต้องไปให้ถึง ความเอาจริงเอาจังของจาค็อบช่างสูงลิบลิ่วจนกระทั่งบางครั้งบางคราวทำให้หัวใจของผู้เป็นเมียเริ่มง่อนแง่น มันเกิดขึ้นพร้อมๆกับการเอาใจช่วยของผู้ชมว่าการต่อสู้ของครอบครัวนี้ จะสร้างกำลังใจให้พวกเราได้มากแค่ไหน

ภาพยนตร์ถ่ายทอดออกมาในลักษณะของฉากชีวิต ที่สมจริงสมจังน่าติดตาม และก็สามารถเข้าถึงทุกชีวิตที่เคยสู้มาด้วยกัน ในต้นแบบคล้ายคลึงกันนี้อย่างจี๋หัวใจ เป็นภาพยนตร์ที่การระลึกถึง ย้อนเรื่องในอดีตของทุกครอบครัวที่เคยได้ผ่าน ‘จุดนั้น’ มาแล้วด้วยกันได้ไม่ยากเป็นภาพชีวิตที่ติดต่อสื่อสารออกมาอย่างเรียบง่าย แต่ทรงอำนาจ

ผลัดใบเพื่องอกงาม

เมื่อโมนิก้าจำเป็นต้องช่วยหารายได้ด้วยการ เป็นสาวโรงงานแยกเพศลูกไก่ ความเป็นห่วงเป็นใยในตัวลูกชายเป็นเดวิดที่เป็นโรคหัวใจ ความตึงเครียดของผู้เป็นแม่จะสร้างความรู้สึกไม่ค่อยสบายใจได้ขนาดไหน ผู้ใดจะดูแลลูกเพราะว่าตรงนี้ห่างโรงหมอ เมื่อหญิงเริ่มคิดมากการทะเลาะกันก็เกิดขึ้น ก็มันทุกข์ยากลำบากนะคะ ที่ก็กว้าง น้ำจะทำสวนก็ยังจำเป็นต้องขุดจากพื้นดินคุ้นเคย จะให้ยิ้มแย้มแจ่มใสตลอดทั้งวันตลอดทั้งคืนไม่ใช่ง่าย จาค็อบก็เลยปลอบโยนหัวใจของเมียด้วยการ ให้ คุณยายซุนจา (ยุยงนยอจอง) แม่ของโมนิกาย้ายจากประเทศเกาหลีมาอยู่ร่วมกันตรงนี้ รวมทั้งการมาของคุณยายซุนจาก็สร้างบททดลองใหม่ๆให้กับครอบครัวนี้อย่างรื่นเริง 5ภาพยนตร์เกาหลี

การมาของคุณยายซุนจาได้พกความเป็นจริงของชีวิตมาด้วยจ้ะ ความเป็นจริงที่ว่าซึ่งก็คือ ‘มนุษย์ทุกคนล้วนคิดถึงบ้านร่วมกันทั้งหมด’ โมนิก้ามีความสบายในทันทีทันใดที่แม่มาอยู่ด้วย และก็แม่มิได้มามือเปล่า ยังหอบเอากลิ่นประเทศเกาหลีมาฝากโมนิกาและก็หลานๆเต็มกระบุง

ทดลองคิดภาวะ ของชาวไทย ในอเมริกามองจ้ะ หากแม่ไปพบแล้วหอบพริก กระเทียม โหระพา ใบกะเพราไปฝาก พวกเราจะพอใจแค่ไหน รีแอ็กชันของโมนิกาต่อของกำนัลของแม่ เว้นแต่ขำแล้วยังสะท้อนความรู้สึกได้ลึกซึ้งเอามากๆเพียงแค่ฉากนี้เพียงแค่ฉากเดียว

มากยิ่งกว่านั้นยังสะท้อนความแตกต่างของคนประเทศเกาหลีย้ายถิ่น กับเด็กประเทศเกาหลีที่เติบโตในต่างประเทศอย่างแจ่มแจ้ง เมื่อเดวิดไม่สามารถที่จะรับความเป็นคุณยายแบบประเทศเกาหลี รวมทั้งคุณยายแบบอเมริกันที่เขาเคยได้เห็นได้ในทันทีทันใด ด้วยเหตุว่าคุณยายในความนึกคิดของเขากับคุณยายที่อยู่เบื้องหน้าช่างไม่เหมือนกัน ภาพยนตร์สะท้อนให้มองเห็นการศึกษาของกันและกัน ความรักที่ก่อตัวขึ้นเรื่อยของสายโลหิตความสัมพันธ์ได้อย่างสวย เป็นมุมเหน็บแนมที่เรียกเสียงเฮจากผู้ชมได้ ลั่นโรง

แม้กระนั้นสิ่ง ที่คุณยาย นำประจำตัวมาด้วย นอกเหนือ จากความรัก ความอบอุ่น แบบประเทศเกาหลีสไตล์ คุณยายยัง พกเมล็ดพันธุ์ไม่ทุ่งนาริ ที่เป็นปรัชญาชีวิตแท้จริงซะมากกว่าจริงมาด้วย “ไม่ท้องนาริสามารถเติบโตได้ทุกแห่ง ถึงแม้ในพื้นที่ว่างไม่ เอาไปใส่เอาไว้ภายใน แกงอะไรก็อร่อย” สิ่งที่คุณยายบอกกับเดวิดบางทีอาจเป็นคำกล่าวปกติ ผิวเผิน แต่ว่าถ้าเกิดดูลึกลงไปในความจริงข้vหนึ่งแล้ว พวกเราจะทราบได้ในทันทีว่า โน่นเป็นความรักของคุณยายที่พกมาด้วยจากประเทศเกาหลี

ภาษาที่ภาพยนตร์ถ่ายทอดออกมาจัดอยู่ในขั้น แยบยล เป็นบทพูดเรียบง่ายที่ทำให้ทุกคนร่วมรู้สึกได้ตลอดทั้งเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นการพูดคุยของเจค็อบแล้วก็เดวิดลูกชาย สิ่งที่บิดาสอนลูกหรือคุยกับลูกในแต่ละครั้ง ได้แทรกสอดตัวตน ความนึกคิดลงไปในความจำของลูกชายครั้งละนิด

หรือแม้กระทั้งช่วงเวลาใดเวลาหนึ่งที่เด็กผู้ชายตัวเล็กๆจะต้องปรับพฤติกรรมอยู่กับคุณยายที่มาจากประเทศเกาหลี การแลกเปลี่ยนวัฒนธรรม การสัมผัสถึงราก และก็สิ่งที่คุณยายทำให้มองเห็นจากความเป็นตัวตน เบาๆละลายหัวใจของเดวิดครั้งละนิด กระทั่งสุดท้ายคุณยายก็แปลงเป็นส่วนใดส่วนหนึ่งของชีวิตไปแบบไม่ทันรู้ตัว

เป็นการถ่ายทอด ความจำที่มีคุณค่า กระทั่งไม่แปลกที่ ลี ไอแซค จอง จะจำช่วงนั้น จนกระทั่งเอา มาเผยแพร่เป็น ภาพยนตร์ชีวิต ที่เรียลที่สุด เรื่องหนึ่ง ความเด่นสำหรับการเล่า ที่แทรกสอดความแตกต่างด้านวัฒนธรรม ความเชื่อถือและก็การยินยอมรับที่จะทดลองสิ่งที่จิตใจเคยต้านทาน ทำให้พวกเราติดตามชีวิตของครอบครัวนี้จากต้นกระทั่งจบแบบไม่มีมุมน่าระอา

สิ่งที่ถ่ายทอดออกมา เป็นสิ่งที่ หลายครอบครัว จำต้องเคยพบเจอ แล้วก็มาก ยิ่งกว่านั้นหนัง ยังมีกลิ่นประเทศเกาหลี ผสมความเป็น อเมริกันได้อย่างพอดี พร้อมด้วยสัมผัสดวงใจคนมีฝัน ผู้ที่ย้ายถิ่นไปอยู่เมืองนอกราวกับเป็นการตบไหล่แล้วพูดว่า “นี่แน่ะ พวกคุณก็คือดอกไม่ทุ่งนาริ” แล้วก็พลังความรักความนับถือในครอบครัว จะพาให้พวกคุณไปถึงฝั่งฝัน

เสริมกองทัพแรงใจจากดอกไม่ทุ่งนาริให้เพิ่มมากขึ้นไปอีก ด้วยความสามารถการแสดงขั้นเทพของ ยุนยอจอง ที่ถ่ายทอดอารมณ์ออกมาอย่างเป็นธรรมชาติ และก็เจ้าหนู อลัน คิม ที่ไม่น่าเชื่อว่านี่จะสำเร็จการงานแสดงเรื่องแรกของเด็กน้อยวัย 8 ขวบคนนี้เลย สมแล้วกับรางวัลภาพยนตร์ภาษาต่างชาติดีเยี่ยมที่สุด บนเวทีลูกโลกทอง หรือ Golden Globes ครั้งที่ 78 และก็การเช็ดกเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์ถึง 6 รางวัล

Share:

Author: admins