ไม่ยอมน้อยหน้า เป็นบ้านที่ประสบความสำเร็จไม่พอ ต้องมีอะไรเด่นๆด้วย

ไม่ยอมน้อยหน้า

ไม่ยอมน้อยหน้า ครองสถิติหนังที่มีช็อต CGI มากที่สุดในโลกอยู่ราว ๆ 3,000 ช็อต

ไม่ยอมน้อยหน้า สุดปังของหนังจักรวาลมาร์เวลที่อยู่ในความทรงจำ ซึ่งขึ้นชื่อว่าเป็นหนังฮีโร่ในจักรวาลมาร์เวลแล้ว ความอลังการของงานวิชวลเอฟเฟกต์หรือคอมพิวเตอร์กราฟิกนั้นไม่เป็นสองรองใคร

  • ทุกชุดของ Spider-Man ใน MCU

แม้ย้อนกลับไปใน Spider-Man ฉบับแรกของผู้กำกับ Sam Raimi ในปี 2002 Tobey Maguire จำต้องใส่ชุดไอ้แมงมุมจริงแสดงตลอดการถ่ายทำ แบบที่ไม่มีฉากไหนที่ชุดถูกสร้างจาก CGI เพียวๆเลย แม้กระนั้นเพียงพอมาถึงฉบับของ Tom Holland นับจาก Homecoming (2017) เป็นต้นมา บาดแผลอันเจ็บปวด

ชุดเกือบ 100%ในหนังถูกทำจาก CGI ถึงงั้นก็ไม่ใช่ปัญหาเรื่องความแนบเนียนและก็สมจริงสมจัง ด้วยเหตุว่าแฟนๆก็ถูกใจทุกชุดสูทของเวอร์ชันนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งชุด Iron Spider-Man ที่ Peter Parker ได้จากลุงสุดที่รัก Tony Starks ในภาค Infinity War (2018) ต้องมาคอยตามดูกันว่ากล่าว ในภาค 3 และก็ภาคต่อๆไป เงาเทคโนโลยีของ Iron Man จะยังปรากฏอยู่ในชุดสูทของ Spider-Man ในต้นแบบไหนอีกบ้าง

  • มิติกระจกของ Doctor Strange

หนังที่ยกฐานะด้านงานภาพและวิชวลเอฟเฟกต์ของหนังจักรวาลมาร์เวลไปเลยก็คือ Doctor Strange (2016) ที่ถึงขนาดพาตัวหนังไปเข้าชิงสาขาวิชวลเอฟเฟกต์เหมาะสมที่สุดบนเวทีออสการ์มาแล้ว ทั้งๆที่ตลอดทั้งเรื่องหนังมิได้มีช็อต CGI มากนัก แต่แม้จะมีน้อยก็เปี่ยมประสิทธิภาพ ฉากที่ตื่นตระหนกตาคงจะหนีไม่พ้นฉากการต่อสู้ในมิติกระจกที่เอาเมืองทั้งเมืองมากลับตะแคงตีลังกากันเกือบจะตลอดเรื่อง

มากกว่าใน Inception (2010) ที่เมืองกลับไปมาเพียงแค่ไม่กี่ฉาก หากว่าอาจจะมีคนบอกว่าหนังก็อปไอเดียจากหนังของ Nolan มาแต่ว่าก็ต้องยอมรับ Doctor Strange ก็นำฉากและวิชวลนี้มาต่อยอดให้อลังการไปอีกได้อย่างน่าดึงดูด คณะทำงานสร้างวิชวลเอฟเฟกต์ก็ได้รับปัญหาจาก Marvel Studios มาเช่นกันว่า ให้ใช้ CGI เพื่อเสริมความสมจริงแล้วก็เท่าที่จำเป็นเท่านั้น

  • Steve Roger ร่างผอมลีบ

ความอ่อนโยนรวมทั้งถือมั่นในศีลธรรมของ Steve Rogers ก่อนที่จะเข้าจะเปลี่ยนเป็น Captain America แล้วก็คงจะความดีงามข้างในจิตใจเรื่อยๆมาจนกระทั่งห้อยโล่ไปใน Endgame มีส่วนเริ่มมาจากการที่เขาเคยเป็นผู้แพ้ทางร่างกายอย่างที่ไม่บางทีอาจแม้กระทั้งจะอาสารบเพื่อรับใช้ชาติในภาค Captain America: The First Avengers (2011)

ก่อนที่เขาจะได้รับเซรุ่ม Super Soldier เพียงแค่หนึ่งเดียวจนถึงทำให้ร่างกายล้ำบึก เขาเคยมีน้ำหนักเพียงแค่ 43 โลแค่นั้น และฉาก CGI ที่สร้าง Steve ร่างผอมลีบก็ทำออกมาได้เนียนจนกระทั่งขั้นดูน่ากลัว

Lola Visual Effects ผู้จะรับผิดชอบงานวิชวลเอฟเฟกต์ของหนังหัวข้อนี้ ต้องใช้ถึง 3 แนวทางสำหรับการทำให้ Chris Evans ออกมาดูผอมแห้ง นั่นเป็นเทคนิค De-Aging ลดอายุบริเวณใบหน้า (ราว 10%) เทคนิคใช้มุมกล้องถ่ายภาพถ่ายหลอกเหมือนกับที่ผู้กำกับ Peter Jackson ใช้ถ่ายเหล่า Hobbit น้อยใน The Lord of the Rings (2001-2003) เพื่อดูตัวเล็กกว่านักแสดงผู้อื่น

และแนวทางการแต่งหน้าเสริมเข้าไปอีก โดยทีมวิชวลเอฟเฟกต์สร้างหน้าตาและรูปร่างของ Evans จาก CGI เพียวๆเพียงแค่ 5% จากทั้งหมดเท่านั้น เหตุผลที่ต้องทำกันถึงกับขนาดนี้ก็เพราะเหตุว่า Marvel Studios ต้องการจะให้ Evans ได้โชว์การแสดงจากตัวจริง ไม่ใช่ให้คอมพิวเตอร์เล่นแทน

  • Tony Stark วัยรุ่นด้วยเทคโนโลยี De-Aging

ถึงแม้เทคโนโลยีเอฟเฟกต์ลดอายุของนักแสดงที่เรียกว่า De-Aging จะถูกปรับปรุงรวมทั้งประยุกต์ใช้ในหนังหลายเรื่องมากขึ้นจนถึงตอนนี้ แต่ว่าผู้กำกับหลายคนก็ยังไม่ค่อยเชื่อถือในผลสรุปที่พูดว่า มองลวงตา แล้วก็ทำให้เลือกกลับไปใช้แนวทางหานักแสดงคนอื่นมาแสดงบทเดิมในวัยเด็กแทน (ตัวอย่างเช่นหนัง Furiosa ภาคต้นของ Mad Max: Fury Road)

แต่ว่าหนึ่งในตัวอย่างความเหมาะสมของเทคโนโลยีนี้ ก็คือการลดอายุของใบหน้า Tony Stark หรือนักแสดง Robert Downey Jr. ลงไปเป็นช่วยวัยรุ่นตามเนื้อเรื่องตอนย้อนความจำในอดีต

ถึงแม้ว่าด้วยเนื้อหาอาจจะมองขัดแย้งกับเส้นเวลาเดียวกันนี้จากหนังเรื่องอื่นที่เคยเล่าไปแล้ว แม้กระนั้นก็อาจจะไม่มีผู้ใดโต้แย้งว่าการได้เห็นใบหน้าอันอ่อนเยาว์ของ Downey Jr. ที่เสมือนหลุดมาจากหนังเมื่อ 30 ปีกลายอย่าง Air America (1990) ทีมงานวิชวลเอฟเฟกต์ที่ใช้เทคโนโลยี De-Aging

ในหนังประเด็นนี้เป็นกลุ่มเดียวกับที่แปลงหน้าของ Brad Pit ตั้งแต่แก่ยันเด็กใน The Curious Case of Benjamin Button (2008) มาแล้ว ก็เลยไม่ฉงนใจว่าถึงทำงานออกมาได้เนียนขนาดนั้น (เพราะทำมาแล้วทั้งยังเรื่อง เพียงแค่ฉากเดียวสบายมากมาย)

  • ฉากแอ็กชั่นใน Captain America: The Winter Soldier

ภาคแยกของ Captain America: The Winter Soldier (2014) ที่เป็นเอกเทศ มีหลักสำคัญของเรื่องสะดุดตาเป็นของตนเอง (ซึ่งเป็นเรื่องการแทรกแซงทางการเมืองแล้วก็การใช้อำนาจในทางที่ไม่ถูกที่กลายเป็นความคลาสสิกไปโดยปริยาย) ต่างจาก Civil War (2016) ที่มองตั้งใจจะให้วีรบุรุษมาปะทะกันมากกว่า

หนังภาค 2 เป็นเรื่องแรกที่พี่น้อง Russo มากำกับหนังของ MCU แล้วก็อยู่ยาวมาจนถึง Avengers: Endgame (2019) พวกเขาตั้งใจทำหนังหัวข้อนี้ให้มีกลิ่นเป็นหนังจารชนสมัย 70s ถึงแบบนั้นหนังก็ยังเต็มไปด้วยฉาก CGI อย่างอลังการถึง 2,500 ช็อต ข่าวหนัง มาร์เวล

บริษัท Industrial Light and Magic รับผิดชอบงานเอฟเฟกต์หลังราว 900 ช็อต ที่เหลือก็กระจายไปตามบริษัทอื่นๆหนึ่งในเหตุผลของความเลิศเนื่องจากว่าผู้กำกับประกาศชัดว่า CGI จะถูกประยุกต์ใช้เพื่อทำให้หนังเหมือนจริงมากขึ้นเพียงแค่นั้น (มิได้จงใจจะใช้ CGI สร้างทุกอย่างในฉากนั้นแต่เดิม) เอฟเฟกต์ของหนังก็เลยมองสมจริงและน่าไว้ใจ

  • ชุดต้นฉบับของ Iron Man

หากว่าชุดของ Iron Man จะมีมากมายตามจำนวนภาคของหนังที่มากขึ้น (ทั้งในภาคแยกแล้วก็หนังรวมวีรบุรุษ) แล้วก็ชุดช่วงหลังๆก็เต็มไปด้วยเทคโนโลยีรวมทั้งความพิเศษที่ช่วยเสริมการต่อสู้ของ Tony Stark ยิ่งๆขึ้นไป แต่ชุดสูทซึ่งถูกตกแต่งด้วย CGI ในภาคข้างหลังๆแฟนหนังตาดีก็ชอบจับผิดว่า กลุ่มสร้างใช้ความละเอียดในการทำน้อยลง

ความแนบเนียนดูไม่ได้รับความเอาใจใส่อย่างเห็นได้ชัด ชุดเกราะเล็กมองแบนแล้วก็ขาดมิติมากขึ้นในภาคถัดมา นั่นก็ทำให้แฟนๆระลึกไปถึงชุดสูทของ Iron Man ในภาคแรกสุดที่มองสมจริง บางทีอาจจะเป็นเพราะทีมงานสร้างยังมีเวลาจุดโฟกัสในเนื้อหาการทำ CGI อยู่ก็เป็นไปได้

Share:

Author: admins