ไมเคิล แจ็กสัน เกือบจะได้เป็นเจ้าของ มาเวล แล้วในยุค 90s

ไมเคิล แจ็กสัน

ไมเคิล แจ็กสัน ในยุคที่ ไม เคิล แจ็ก สัน รุ่งสุด ๆ จากการเป็นป๊อปสตาร์ระดับโลก ไมเคิล แจ็กสัน

ไมเคิล แจ็กสัน ที่มีรายได้มหาศาลจากยอดขายเพลงและคอนเสิร์ตทั่วโลกแล้ว เขายังกว้านซื้ออสังหาริมทรัพย์ และลิขสิทธิ์เพลงจำนวนมาก ในปี 1985 เขาเป็นเจ้าของลิขสิท

ธิ์เพลงของ เดอะ บีทเทิลส์มากถึง 251 เพลง แล้วยังเป็นเจ้าของเพลงบางส่วนของ บ็อบ ดีแลน และ เอมิเน็ม ด้วย ช่วงที่เขาแต่งงานกับ ลิซา มารี เพรสลีย์ ลูกสาวของ แอนโทนี มิงเกลลา

เอลวิส ก็มีข่าวว่า ไม เคิล แจ็ก สัน อาจจะได้มีส่วนในการถือลิขสิทธิ์เพลงของเอลวิส เพรสลีย์ ด้วย ฉะนั้นข่าวใหม่นี้ ที่ว่า เคยพยายามที่จะซื้อ เวล พับลิชชิง จึงไม่ใช่เรื่องน่า

ประหลาดใจนัก ข่าวนี้เคยได้รับการเปิดเผยมาแล้วก่อนหน้านี้จาก แสตน ลี หนึ่งในผู้ก่อตั้งสำนักพิมพ์ และได้รับการยืนยันอีกครั้งจาก โทเรียนโน เอเดรียอัล หรือ

ทาจ เขาเป็นลูกชายคนโตของ ทิโท พี่ชายของ สมาชิกวง เดอะแจ็ก สันไฟฟ์ ในวัย 47 ปี เล่าถึงเรื่องนี้ ในระหว่าง การให้ สัมภาษณ์ ในรายการ ว่าจริง

แท้แค่ไหน ที่เคยมี ข่าวว่า ได้พยา ยามจะ ซื้อบริษัท พับลิชชิง ใน เพราะว่า เขาโปรดปราน สไปเดอร์-แมน แต่เป็นแค่ความสนใจขั้นต้น ยังไปไม่ถึงขั้นตอนเจรจาเซ็นสัญญา

ไมเคิล แจ็กสัน

“ผมจำเรื่อง นี้ได้ครับ ผมจำ ได้ว่าตอน นั้นผม อยู่กับน้อง ๆ และอาไม เคิล

ก็เล่า ว่าเขา สนใจ จะซื้อ เขาอยาก จะซื้อ ต่อจากสแตน ลี เท่าที่ฟัง เขาได้ เจรจากัน ไปแล้วด้วย แต่ก็ น่าเสีย ดายนะ ที่ดีล นี้ไม่สำเร็จ ผมคิด ว่าเขาล้ม เลิกกัน ไปเสีย

ก่อน ผมไม่รู้ เหตุผล จริง ๆ หรอกนะว่าทำไม” ถึงแม้ จะไม่รู้ แต่สา เหตุที่ ดีลนี้ไม่ เป็นผล สำเร็จ คนเก่า ๆ ในวงการที่รู้เหตุผลนี้ก็หลายคนอยู่ ในช่วงปี 90s นั้น สำนักพิมพ์

ประสบปัญหาทางการเงินอย่างหนัก ในปี 1996 ก็เคยโดนฟ้องล้มละลายมาแล้วด้วย แล้วในช่วงนั้นก็เป็นช่วงขาลงของ แล้วด้วย ทำให้สถานะทางการเงินของไม เคิลไม่อู้ฟู่เหมือน

แต่ก่อน ในหนังสารคดี ปี 2019 ก็ได้พูดถึงข่าวลือเรื่องนี้ว่า เหตุผลหนึ่งที่ อยากจะซื้อ ก็เพราะเอามาใช้เป็นเครื่องมือ ดึงดูด ความสน ใจเด็ก ผู้ชาย ซึ่งไปสอด คล้องกับข่าว

อื้อฉาวเรื่อง มีคดี “ล่วงละเมิดทางเพศ” กับเด็กชาย หลายคน มาก่อนหน้านั้น ส่วน เผยว่าแรงจูงใจสำคัญที่ทำให้ สนใจจะซื้อกิจการ นั้น ก็เป็นเพราะเขามีความหลงใหลใน ส ไปเดอร์-แมน มาตั้งแต่ยังเป็นเด็กแล้ว “นอกเหนือจากตัว สไป เดอร์-แมน แล้ว เขาก็ยังเป็นแฟนตัวยงของ ด้วย เขารู้จักตัวละครทุกตัวของ เลย แล้วก็ใช่นะ เขาอาจจะอยากเล่นเป็น ข่าวหนัง มาร์เวล

เองด้วย (หัวเราะ)” แต่เมื่อดีลระหว่าง กับเวล ไม่เกิดขึ้น ก็ผ่านไปจนถึงปี 2002 ที่หนัง ภาคแรกออกฉาย หนังประสบความสำเร็จมาก นั่นเหมือนกับใบเบิกทางของมาร์ เวล ให้เห็นแนวทางพาบริษัทตัวเองออกจากสภาวะวิกฤต แล้วก็เปิดจักรวาลหนัง

ตัวเองในภายหลัง แล้วดิสนีย์ก็เป็นเจ้าของ ในปี 2009 ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 4,000 ล้านเหรียญ กลายเป็นบริษัทที่ทำกำไรให้อาณาจักรดิสนีย์ได้อย่างมหาศาล ลองนึกย้อนไป ถ้าวันนั้นดีลระหว่าง เป็นผลสำเร็จ วันนี้เราจะได้เห็นจักรวาล กันอยู่ไหมนะ

Share:

Author: admins