ซีจีระดับฮอลลีวู้ด แวนด้าวิชั่น มินิซีรีส์อเมริกัน ผลิตขึ้นสำหรับดิสนีย์+ โดย แจ็ก เชเฟอร์
ซีจีระดับฮอลลีวู้ด แจ็ก เชเฟอร์ ผู้กำกับหญิงที่เคยฝากผลงานภาพยนตร์สารคดีเรื่อง ไทเมอร์ ในปี พุทธศักราช 2552 รวมทั้งยังร่วมเขียนบทภาพยนตร์ กัปตันมาร์เวล อีกด้วย เรื่องราวสร้างมาจากผู้แสดงมาร์เวลคอมิกส์ในชื่อเดียวกันเป็นแวนด้า แม็กซิมอฟฟ์ / สการ์เล็ตวิทช์ และก็ วิชั่น โดยเป็นซีรีส์เรื่องแรกของดิสนีย์พลัสที่อยู่ในจักรวาลภาพยนตร์มาร์เวล ดำเนินเรื่องสม่ำเสมอกับภาพยนตร์เรื่องอื่น ๆ ของแฟรนไชส์
เรื่องราวเกิดขึ้นภายหลังจากอเวนเจอร์ส:เผด็จศึก ในปี 2019 ผลิตโดยมาร์เวลสตูดิโอส์ โดยมี แจ็ก เชเฟอร์ ยังรับหน้าที่เป็นนักเขียนบทรวมทั้ง แมตต์ แชกแมน ผู้กำกับตอนหนึ่งจากซีรีส์ มหาศึกชิงบัลลังก์ เป็นผู้กำกับ
โดยเรื่องราวจะเกี่ยวโยงกับ แวนด้า แล้วก็ วิชั่น กับการไขปัญหาความลับของชีวิตประจำวันที่เริ่มเหยเกด้วยเหตุบางสิ่งบางอย่างในเมืองเล็ก ๆ แห่งหนึ่ง พร้อมกับเปิดตัวหน่วยใหม่ในจักรวาลซอร์ด ซึ่งเผยตัวในหนังสือการ์ตูนมาแล้ว ในฐานะคนที่จะมาเป็นตัวแปรให้เรื่องราวนั้นใหญ่มโหฬารขึ้นเรื่อยความพิเศษของแวนด้าวิชั่นหมายถึงเป็นซีรีส์ที่ประสมประสานระหว่างภาพยนตร์กับซิทคอมอเมริกันในสมัยต่าง ๆ รวมทั้งการเล่าเรื่องที่มาในแนวลึกลับและก็ตลกโปกฮาร้ายแบบที่มาร์เวลไม่เคยทำมาก่อน
เจาะลึกถึงนักแสดงอื่น ๆ ที่ในจักรวาลภาพยนตร์ พวกเขาเป็นเพียงแค่ผู้แสดง ภายหลังสิ่งที่พวกเขาได้ประจันหน้ามันทำให้ชีวิตของพวกเขาแปรไปอย่างไร รวมทั้งยังปูไปสู่ภาพยนตร์เรื่องอื่น ๆ ของแฟรนไชน์ในอนาคตก็ได้ ซีรีส์ได้รับคะแนนจากนักวิพากษ์วิจารณ์สูงลิบลิ่วในตอนฉาย แถมได้รับคำยกยอว่าเป็นซีรีส์มาเวลที่สร้างสรรค์และก็แปลกที่สุดเท่าที่มาร์เวลเคยทำมาเลย หัวข้อนี้จะจริงเพียงใด มาดูกัน ข่าวหนัง มาร์เวล
เรื่องราวของคู่ชีวิตข้าวใหม่ปลามัน แวนด้ารวมทั้งวิชั่นที่ย้ายมาอยู่ในเมืองเล็ก ๆ แห่งหนึ่งชื่อว่า เวสท์วิว ที่พวกเขาได้เริ่มดำเนินชีวิตแบบสามีภรรยาอย่างสุขสันต์ ด้วยเหตุว่าแวนด้านั้นมีพลังยอดเยี่ยมซึ่งสามารถสร้างทุก ๆ สิ่งทุก ๆ อย่างได้ดั่งใจนึก ส่วนวิชั่นนั้นไม่ใช่มนุษย์ แต่ว่าเป็นสิ่งมีชีวิตที่เหนือกว่าซึ่งสามารถปลอมตัวเป็นเพศชายปกติได้
พร้อมกับเพื่อนบ้านหญิงผู้เปี่ยมอารมณ์ขันแล้วก็น่าเบื่อหน่าย แอกเนส ที่รอมาเป็นผู้ช่วยของแวนด้าเวลาเกิดเรื่องยุ่ง ๆ ในวันแล้ววันเล่า ผ่านลักษณะของซิทคอมสัดส่วน 4 : 3 ไม่เต็มหน้าจอขาวดำ นอกเหนือจากนั้นคนกรุงนั้นก็ต่างเป็นมิตรกับพวกเขา ทุกสิ่งเสมือนจะพอดี ถ้าเกิดแวนด้าไม่สัมผัสได้ถึงอะไรบางอย่างที่กำลังรุกรามคุณรวมทั้งผัวอย่างเงียบกริบ และก็เบา ๆ ป่วนปั่นเมืองที่แสนสงบที่นี้ให้เบา ๆ ไม่ดีเหมือนปกติอยู่เรื่อยแวนด้าจะทำอย่างไร
แม้พลังที่แสนน่าพิศวงของคุณไม่อาจจะปรับปรุงทุกสิ่งทุกอย่างได้ เวลานี้เอง หน่วยงานลึกลับไม่รู้ที่มาก็เริ่มเข้ามาสำรวจในพื้นที่ที่แวนด้ากับวิชั่นอาศัยอยู่ พวกเขานั้นอยากอะไร และก็ท้ายที่สุดผลสรุปชีวิตอันแสนสุขของทั้งสองจะจบอย่างสุขสันต์ได้ไหม
ซีจีระดับฮอลลีวู้ด การเล่าเรื่องของซีรีส์ประเด็นนี้มีความน่าดึงดูดใจตรงที่ มันมิได้ลอมชอมกับผู้ที่ไม่เคยดูหนังในจักรวาลภาพยนตร์มาร์เวล หรือแม้กระทั้งผู้ที่ดูหนังในจักรวาลก็เหมือนกัน
เปิดเรื่องมาพาพวกเราเข้าเหตุการณ์แปลก ๆ โดยทันที แถมทีแรก ๆ ก็เกือบจะไม่มีอะไรเว้นเสียแต่เรื่องราวยุ่ง ๆ ของคู่ชีวิตที่ประพฤติขำขันและก็เพลงประกอบสุดติดหู แม้กระนั้นเมื่อคุณมองจนกระทั่งจบช่วงแรก ซีรีส์จะเบา ๆ ทิ้งเงื่อนที่น่าสงสัยเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นในเรื่องครั้งละนิด ตั้งแต่เพราะเหตุไรที่ ๆ นักแสดงอยู่ถึงได้มีภาวะราวกับซีรีส์ซิทคอมในทีวีอเมริกันสมัย 1950-2000
ไม่ถูกกับเรื่องราวในจักรวาลที่คงจะดำเนินเรื่องภายหลังจาก 2023 นี่แหละเป็นสาระสำคัญที่ทำให้ซีรีส์นี้มีความพิเศษ โดยบางสิ่งบางอย่างที่ไม่มีเหตุผลในเรื่องจะเบา ๆ ได้รับการเฉลยคำตอบให้พวกเราได้รับทราบได้หลังจากนั้น ๆ ซึ่งเป็นความเพียรพยายามที่จะทำให้ผู้ชมมีความรู้สึกว่า มันกำเนิดอะไรขึ้น เพราะเหตุไรมันเป็นอย่างงี้
รวมทั้งทำให้สามารถตั้งข้อสันนิษฐานหรือทฤษฏีต่าง ๆ เป็นความสนุกสนานที่ซีรีส์มอบให้ในระหว่างที่มันฉายใหม่ ๆ อาทิตย์ละตอน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเล่าเรื่องที่ค่อนข้างจะมีความขัดแย้งในตัวของมันเอง แม้กระนั้นโน่นไม่ใช่ข้อบกพร่องนะ มันเป็นสิ่งที่ซีรีส์ตั้งอกตั้งใจอยู่แล้วให้มันมีความแปลกรวมทั้งมองไม่ลงตัวกับเรื่องราว
เมื่อยิ่งดู เรื่องราวจะเริ่มขยายสเกลมากยิ่งกว่าเดิมเรื่อยจากการเป็นซิทคอมปกติ กลับเบา ๆ แปลงเป็นหนังแอ็คชั่นซูเปอร์วีรบุรุษที่มีส่วนผสมของมาร์เวลรวมทั้งซีรีส์ลึกลับสไตล์อเมริกันที่เบา ๆ วางเงื่อนอย่างชาญฉลาด แม้การเฉลยคำตอบเงื่อนหลักจะมิได้ว้าวอะไร แต่ว่าฉากเปิดเงื่อนก็เป็นอีกหนึ่งไฮไลท์ที่น่าดึงดูดไม้แพ้กับฉากแอ็คชั่นสาดพลังกันไม่ยั้งอย่างยิ่งจริง ๆ ปัญหาการค้ามนุษย์
เนื่องจากว่ามันเป็นมินิซีรีส์ 9 ตอนสุดท้าย ตอนแรก ๆ จะไม่ค่อยบันเทิงใจมากแค่ไหนราวกับมองขำ ๆ แม้กระนั้นพอเพียงเข้าในตอนที่ 4 ปุบปับ เครื่องจะเริ่มติด รวมทั้งขณะที่ 8 นี่แหละที่พีคมากมาย ๆ จนถึงพูดได้ว่าเป็นส่วนที่ดีของซีรีส์ซึ่งสามารถสรุปข้อความสำคัญของเรื่องเจริญมากมาย ๆ จนถึงตอนสุดท้ายที่มานะสาดฉากแอ็คชั่นและก็ผลสรุปตื่นเต้น
แปลงเป็นรวบรัดฉับไวกระทั่งสิ่งที่สร้างมาทั้งหมดทั้งปวงไม่อิมแพ็คกับผู้ชมมากแค่ไหน ราวกับตั้งมั่นจะทิ้งเอาไว้ใช้ในรูปภาพยนตร์ในจักรวาลที่จะมาปฏิบัติภารกิจสืบต่ออย่าง เดอะมาร์เวลส์ รวมทั้ง ดอกเตอร์ สเตรนจ์ อิน มัลติเวิร์ส ออฟ แมดเนส รู้เรื่องล่ะว่ามันมิได้จบเพียงเท่านี้
แต่ว่ามันทำเป็นดียิ่งกว่านี้นะ โชคร้าย นักแสดงแต่ละตัว โดยเฉพาะอย่างยิ่งนักแสดงหลักถ้าหากใครกันแน่มองจักรวาลภาพยนตร์มาร์เวล จะเข้าดวงใจได้โดยทันทีถึงรูปแบบของคนนั้น ๆ แต่ว่าผู้ที่ไม่เคยเลย คุณจะได้ทำความรู้จักแบบผ่าน ๆ ซึ่งอาจจะทำให้ขาดอรรถรสหรือความอินในผู้แสดง เพราะว่ามันเป็นการสืบต่อเรื่องราวโดยตรงจากภาพยนตร์ในจักรวาลมาร์เวล
ซึ่งนี่แหละเป็นข้อตำหนิหลักของหัวข้อนี้ ถ้าหากคุณมิได้ติดตามมาตลอด คุณจะไม่รู้เรื่องความเกี่ยวเนื่องของนักแสดงในเรื่องว่าเพราะเหตุไรจำต้องรักกันขนาดนี้ เพราะเหตุไรควรจะมีปัญหากันขนาดนี้ ไม่เพียงพอซีรีส์ยังโยนนักแสดงใหม่ที่ไม่เชิงว่าใหม่มากแม้กระนั้นโผล่มาจากไหนอีกก็ไม่เคยทราบให้งงงวยเข้าไปอีก หากว่าซีรีส์จะเบา ๆ ใช้เวลากับผู้แสดงในระดับที่ควร
แต่ว่าผู้ที่มาดูซีรีส์หัวข้อนี้เนื่องจากว่ามีความเห็นว่ามันดี ก็ต้องการที่จะให้ไปดูหนังพวกนี้ก่อนอเวนเจอร์ส: มหาศึกอัลตรอนถล่มโลก, กัปตันอเมริกา: ศึกฮีโร่ระห่ำโลก, อเวนเจอร์ส: มหาสงครามล้างจักรวาล, กัปตันอเมริกา รวมทั้งที่ต้องมีให้ได้ อเวนเจอร์ส: เผด็จศึก นี่แหละที่น่าจะเป็นตัวช่วยพื้นฐานสำหรับผู้ที่กำลังคิดจะมองซีรีส์ประเด็นนี้ได้
มันมิได้เล่าสลับซับซ้อนเล่นท่ายากอะไรขนาดนั้น เพียงแค่เนื้อหามันมากกระทั่งบางทีอาจจะชิดกับนักแสดงกลุ่มนี้ยากกว่าผู้ที่ตามมาตลอด
เงื่อนของนักแสดงก็มีเยอะมากทั้งยังเรื่องครอบครัว ความรัก รวมทั้งการข้ามผ่านข้อเท็จจริงเพื่อจะสามารถแฮปปี้ หรือแม้กระทั้งการพยายามพิสูจน์ตนเองของนักแสดงที่ถูกถ่ายทอดออกมาทีละน้อย แต่ว่าพอเพียงเอามาปะติดปะต่อรวมกัน มันก็จะเปลี่ยนเป็นสิ่งที่สนับสนุนให้เรื่องราวนั้นมีหลายมิติให้ได้มองเห็น หากแม้ส่วนตัว ผู้แสดงบางตัวที่มีความจำเป็นแล้วก็เย้ายวนใจผู้ชมจะมีบทน้อยมาก แบบน้อยสุด ๆ
ดาร์ซี่ สาวแว่นที่เคยเผยตัวใน ธอร์ ทั้งคู่ภาคละเว้นภาค แร็กนาร็อก โผล่มารวมฉากกันทั้งยัง 9 ตอนยังไม่ถึง 5 นาทีเลยด้วย เหมือนกันกับ จิมมี่ วูที่แสดงตัวทีแรกในรูปภาพยนตร์ แอนท์-แมน และ เดอะ วอสพ์ ซึ่งพวกเขารอเป็นตัวละครครึ่งขมักเขม้น ครึ่งฮาแถมมีวิวัฒนาการในนักแสดงค่อนข้างจะมากด้วย แต่ใช้ได้ไม่คุ้มเอาซะเลย ถือได้ว่าเป็นการยากมากมายที่จะเอ๋ยถึงผู้แสดงไม่ให้สปอยล์เรื่องราว
แวนด้าเป็นตัวละครที่ดูเหมือนจะแฮปปี้สุขหรรษาไม่แคร์โลก ทั้งหมดทั้งปวงเป็นการพากเพียรหลอกตัวเองว่าทุกสิ่งทุกอย่างเป็นไปตามที่ฝัน แต่ว่าเมื่อท้ายที่สุดข้อเท็จจริงปรากฏต่อหน้าต่อตาคุณก็จำต้องเลือกที่จะเจอหน้ากับมันจนกระทั่งเปลี่ยนเป็นคนใหม่แบบที่ไม่เคยคาดหมายมาก่อน ซึ่งถ้าหากใครกันแน่ที่ตามจักรวาลภาพยนตร์มาร์เวล จะรู้เท่าทันครั้งว่าเธอเป็นคนใด
แม้กระนั้นคนสามัญที่มองก็จะต้องว้าวแน่ ๆ วิชั่น ผู้แสดงผัวแสนอบอุ่นที่ราวกับจะสอดรู้สอดเห็นไปซะทุกเรื่องแบบที่เขารู้สึกว่าเขาเป็นมนุษย์ผู้ฉลาด กระทั่งมันเบา ๆ เปลี่ยนชีวิตเขาไปอย่างสิ้นเชิง แอกเนส เพื่อนบ้านที่รอเป็นอย่างยิ่งดวงใจและก็อบรมสั่งสอนวานด้าเวลาพบกับปัญหาด้วยความตลกขบขันแล้วก็แสนสดใส
โมนิก้า หญิงสาวที่ชีวิตเปลี่ยนภายหลังสถานะการณ์ล้างจักรวาลที่ทำให้คุณเปลี่ยนมาเป็นส่วนหนึ่งส่วนใดของเรื่องแล้วก็มันได้ทำให้ตัวของเธอนั้นไม่ดังเดิม ดาร์ซี สาวน้อยที่ทุ่มเทกระทั่งสำเร็จการศึกษาสาขาวิทยาศาสตร์จนได้มาดำเนินงานในหน่วยงานแต่ว่าด้วยความฉลาดแล้วก็ความแปลกทำให้เธอโดนละเลยอยู่เป็นประจำ
จิมมี่ วู เอฟบีไอที่ทำทั้งหมดทุกอย่างเพื่อปกป้องรักษาเมืองจากภัยร้ายที่ไม่เคยรู้ที่มา เหล่านักแสดงลับที่ไม่อาจจะบอกได้ ยังเข้ามาเป็นตัวแปรสำคัญที่ทำให้เรื่องราวนั้นมีความเข้มข้นขึ้นในทุกตอน ซึ่งผมเห็นว่านักแสดงกลุ่มนี้เป็นสิ่งที่บอกแล้วมันบางทีอาจสปอยล์ทุกสิ่งในจักรวาลภาพยนตร์มาร์เวล ได้เลย ในประเด็นการแสดงจำต้องขอยกนิ้วให้กับอลิซาเบธ โอเซ่นในบทของแวนด้า ที่เธอเอาอยู่ตั้งแต่บทสาวช่างฝันสุดฮา
บทแม่ผู้รักลูก กราดเกรี้ยวแล้วก็มึนหัว บทอับโชคในชะตาชีวิตรวมทั้งใจแตกสลายที่ทำให้พวกเราอินและก็รู้เรื่องนักแสดงคุณว่าเพราะอะไรคุณถึงสามารถเป็นตลอดตัวเอกหลักรวมทั้งตัวร้ายหลักของเรื่องได้ เพราะเหตุว่าคุณนั้นแสดงออกมาผ่านแววตารวมทั้งสีหน้าท่าทางได้อย่างเก็บทุกเม็ด ยิ่งตอนเธอร้องไห้เป็นเกือบจะใจขาดตาม เหมือนกับ พอล เบ็ตตานีย์ ก็มีจังหวะขำขันมีมุกฮามาตลอด
แต่ว่าพอเพียงเข้าโหมดมุ่งมั่นก็คือทรงประสิทธิภาพไม่แพ้กับอลิซาเบธ ในบทบิดาสุดที่รักลูกและก็มีความสับสนในตนเองจนตราบเท่าข้อเท็จจริงเผยรวมทั้งทำลายเรื่องจริงทั้งสิ้น แต่ว่าที่ขอบอกว่าขโมยซีนสุด ๆ น่าจะเป็นแคทริน ฮาห์น ที่มาในบทสุดน่าจำรวมทั้งติดตามากในซีรีส์อย่างแอกเนส เธอสามารถบ่งบอกถึงมากยิ่งกว่าความขำขัน รวมทั้งยังมอบเซอร์ไพรส์ให้ผู้ชมแบบที่ถ้าหากไม่เก็บเนื้อหาก็อาจไม่ทราบว่านี่เป็นนักแสดงของเธอ
ต่อจากนี้คนไหนกันแน่มองเห็นคุณก็จำเป็นต้องเย้าแหย่แน่ ๆ ครั้งยอนาห์ แพร์ริส ในบทสาวผิวสีผู้แบกรับความคาดหมายของแม่และก็ก้าวขั้นผ่านสู่ข้อจำกัดภายในร่างกายตนเอง เธอเล่นในบทขำขันแล้วก็บทงงเต็กเจริญมากมาย ๆ แม้ว่าจะมีแค่นิดเดียว การแสดงของเธอเป็นตรึงผู้ชมให้มองเห็นถึงความเก๋รวมทั้งความล่อใจไม่แพ้แวนด้าแล้วก็พร้อมแล้วในการก้าวสู่หนังในอนาคต
แรนดัลล์ ปาร์ค มิได้มาเพื่อแสดงเฮฮาแต่ว่ายังมารับบทเป็นผู้ที่ตั้งใจจริงกับงานที่มีอารมณ์ขันรวมทั้งรอร่วมมือกับ แคท เดนนิ่งส์ สาวสวยใส่แว่นผู้ฉลาดซึ่งสามารถค้นหาความลับของเรื่องได้ หากว่าบทของทั้งสองจะน้อยจนถึงน่าตกใจแต่ว่าก็สามารถลักขโมยซีนให้เป็นที่จำเช่นกัน อย่าง อีแวน ปีเตอร์ส ที่มาในบทที่นึกไม่ถึงรวมทั้งยังแสดงได้กวนบาทามากมาย ๆ ตั้งแต่ต้นจนกระทั่งจบ
ทั้งยังยังมีนักแสดงคนอื่นอีกทั้งเด็กรวมทั้งคนแก่ที่ปฏิบัติภารกิจเติมเต็มเรื่องราวให้บริบูรณ์อีกด้วย ส่งผลให้เกิดเรื่องราวสเกลใหญ่ในจักรวาลที่ใช้ได้ผลกับผู้ชม พร้อมพลังของผู้แสดงนำฝ่ายที่เกินชั้นไปกว่าซีรีส์ทั่ว ๆ ไป งานซีจีงามระดับฮอลลีวู้ด มีมุมกล้องถ่ายภาพมากมายตามชนิดของซิทคอมในเรื่องช่วยทำให้ได้รสที่แปลกใหม่ในทุกตอน
แม้กระนั้นสำหรับคนที่ไม่รู้จักจักรวาลมาดูบางทีอาจจะไม่ชอบใจเท่าไร มิหนำซ้ำยังสิ้นเรื่องราวซีรีส์เพื่อปูไปยังภาพยนตร์ของตนเองในจักรวาล ทำให้เงื่อนของเรื่องเล็กน้อยนั้นถูกค้างคาเอาไว้จนถึงทำให้ตอนสุดท้ายของซีรีส์นั้นรวบรัดกระทั่งน่าตกใจ