ความเชื่อมโยงสี่แม่มด วัยร้ายร่ายเวทย์ ย้อนกลับไป 24 ปีกลายฮอลลีวูดดูเหมือนหมกมุ่นกับหนังบล็อกบัสเตอร์ที่ทุ่มทุนสร้าง
ความเชื่อมโยงสี่แม่มด เอฟเฟกต์อลังการแล้วก็ที่สำคัญเป็นเป็นปีที่มีหนังพลอตประดิษฐ์หาหนทางแปลกใหม่ตั้งแต่หนังไซไฟเอเลียนบุกโลกอย่าง สงครามวันดับโลก ที่ชาวไทยรู้จักในชื่อ ไอดี 4 การสู้รบวันด้บโลกหรือปฐมบทหนังสปายขี้โวอย่าง มิชชั่น อิมพอสซิเบิ้ล ซึ่งในปี 1996 ก็มีหนังหลายเรื่องที่เป็นต้นน้ำของแฟรนไชส์หนังในขณะนี้
รวมทั้งเดอะคราฟ หรือชื่อไทยสี่แหววพลังแม่มดที่เอาพลอตหนังวัยรุ่นไฮสคูลมาผสมเรื่องลี้ลับเวทย์มนตร์จนได้เป็นหนังสยองขวัญนำแสดงโดย เนฟ แคมป์เบล ที่ได้ตำแหน่งราชินีหนังหวีดร้องในทันทีข้างหลัง สครีม ภาคแรกฉายปีเดียวกัน รวมทั้งข้างหลัง 24 ปีผ่านไปไวราวกับมีคนไหนกันร่ายเวทย์ วัยร้ายร่ายเวทย์ภายใต้แบรนด์บลัมเฮาส์ โปรดักชั่นส์ ก็ได้เวลามาฉายในชื่อไทยที่ตัดอะไรแหวว ๆ ออกรวมทั้งตั้งชื่อเกร๋ ๆ ว่า วัยร้ายร่ายเวทย์
โดยหนังจะเริ่มเรื่องที่ ลิลลี (เคลี สแปนี) ที่จำเป็นต้องย้ายตาม เฮเลน (มิเชล โมนาแฮน) แม่จิตแพทย์มายังบ้านของ อดัม (เดวิด มองคอฟนี) ไลฟ์ผู้ฝึกสอนคู่รักใหม่ของแม่และก็บิดาของ 3 ชายหนุ่มที่มองเป็นศัตรูกับคุณตั้งแต่วันแรกที่พบ รวมทั้งภายหลังจำต้องอับอายขายหน้าในห้องเรียนจากทิมมี (นิโคลาส แกลิตซีน)พี่ชายจอมเกกมะเหรกในครอบครัวใหม่ของคุณ ข่าวหนัง มาร์เวล
ลิลลีก็ได้เจอมิตรภาพจาก 3 สาว ลอร์เดส (โซอี้ ลูน่า) แท็บบี (โลวี ซีความสงบ) แล้วก็แฟรงกี (กิเดียน แอดลอน) รวมทั้งเชื้อเชิญลิลลีเป็นพวกผู้ที่ 4 ของกรุ๊ปแม่มดของพวกเธอ รวมทั้งภายหลังจากชิมรสอำนาจของมนยี่ห้อทั้งยังแปลงนิสัย ทิมมี (นิโคลาส แกลิตซีน) พี่ชายบุญธรรมจอมเกกมะเหรก และก็ยังรวมทั้งอบรมเพื่อนฝูงที่ถูกใจบูลลี พวกเธอก็หลงใช้มนยี่ห้อจวบจนกระทั่งมีผู้ที่ถึงแก่เสียชีวิตด้วยเหตุว่ามนตร์ของพวกเธอ 4 แม่มดสาวจำเป็นต้องหาทางหยุดผลพวงที่พวกเธอก่อขึ้นรวมทั้งจำเป็นต้องสืบเสาะหาความเป็นจริงเบื้องหน้าเบื้องหลังเรื่องเลวร้ายต่าง ๆ ก่อนที่จะสายเหลือเกิน
ความเชื่อมโยงสี่แม่มด ก่อนที่จะเอ๋ยถึงหนังภาคนี้ขอย้อนกลับไปที่หนังภาคแรกอย่างเดอะคราฟ
ที่เล่าโดยการเอาปัญหาวัยรุ่ยในไฮสคูลมาเป็นเงื่อนทั้งยังการถูกเพศชายเท รู้สึกต้อยต่ำในสังคม การเช็ดกบูลลีหรือถูกดูเป็นตัวแปลกเป็นเงื่อนให้อีกทั้ง 4 สาว ซาราห์ บอนนี แนนซี โรเชล ลุกขึ้นยืนมาใช้ มนตร์เป็นตัวประมือและก็สร้างฐานะตนใหม่ชดเชยความต่ำต้อยในฐานะผู้เรียนนอกคอกในสถานศึกษาคาธอลิกที่เสมือน ปีเตอร์ ฟิลลาร์ดี เขียนขึ้นเพื่อวิพากษ์ปัญหาในสังคมไฮสคูลจนกระทั่งหนังเลื่องลือแล้วก็ถูกอ้างอิงในวัฒนธรรมเพียงพอปเวลาถัดมา
สำหรับ วัยร้ายร่ายเวทย์ภาคต่อที่ไม่มีผู้ใดพอใจว่าสร้างเมื่อไรรวมทั้งข้อมูลใน ไอเอ็มดีบี ก็มีน้อยจนถึงผิดวิสัยหนังฮอลลีวูด (ข้อมูลเทคนิกยังไม่บอกเลยว่าใช้กล้องถ่ายภาพหรือเลนส์อะไรถ่าย) รวมทั้งการรับทราบของผู้ชมคนไทยทั่ว ๆ ไปเป็นการเห็นแบบอย่างหนังในตอนไม่เกิน 1 เดือนที่ผ่านมาลงโรงฉายพร้อมพะแบรนด์บลัมเฮาส์ โปรดักชั่นส์ สตูดิโอหนังสยองขวัญที่กำลังขึ้นมือกับการจับจับอะไรก็ได้รับความนิยมและก็ได้รับคำกล่าวชมเชย (ผสมโดนดุบ้างนิดหน่อย) มาเป็นหนังหน้าเสื่อรับรองพรีเซ็นท์หนังภาคต่อประเด็นนี้ แฟนตาซียุควิคตอเรีย
สิ่งที่เห็นได้ชัดเจนในบทใหม่ของ โซอี ลิสเตอร์ โจนส์ ผู้กำกับหญิงที่มาจากสายการแสดงเป็นการพยายามเอ่ยถึงการบ้านการเมืองเรื่องเพศเป็นหัวข้อหลัก ซึ่งจุดเด่นเลยเป็นบทหนังเพียรพยายามพาเดอะคราฟ มาสู่การวิพากษ์วิจารณ์ปัญหาเกี่ยวกับความไม่ลงรอยกันทางเพศ โดยแทรกมันอีกทั้งสังคมปิตาธิปไตยในบ้านของอดัม บิดาใหม่จอมเฮียบ ทิมมี พี่ชายสุดเกกมะเหรกที่บั่นทอนความเชื่อมั่นในสาวด้วยการล้อเรื่องเมนส์ ถ้าเกิดยังชัดไม่เพียงพอบทยังให้อาชีพของอดัมเป็นคนเขียนหนังสือขายดิบขายดีที่กล่าวถึงอำนาจของผู้ชายจนได้เป็นไลฟ์ผู้ฝึกสอน “ปลุกความเป็นผู้ชายในตัวคุณ” กระทั่งพวกเราแทบจะไม่ต้องแปลความหมายอะไรอีกแล้ว
แต่ว่าปัญหาหลักเป็นบทหนังที่เสมือนมิได้คำนวนเอาไว้ว่าตนเองมีกรอบเวลาสำหรับเพื่อการเล่าเท่าใด
เลยทำให้หนังพลาดที่จะชี้แจง หัวข้อสำคัญ โดยยิ่งไปกว่านั้นคำห้อยท้าย ชื่อหนังอย่าง เลกาซี่ หรือ มรดกที่เป็นหัวใจของเรื่อง อีกทั้งเรื่องราวในบ้านของอดัม ที่จะช่วยชี้แจงถึงความแปลก และไม่น่าวางใจของเพศชายคนนี้ ที่คลุ้มคลั่งเรื่องระเบียบวินัย กระทั่งไม่ถูกมนุษย์ หรือตราประจำเชื้อสาย ที่โผล่มาด้านหลังเรื่อง และก็เกือบจะมิได้ชี้แจง ให้แจ้งชัด ไปจนกระทั่งเงื่อนใหญ่ยักษ์มากมาย เป็นต้นเหตุของพลัง ที่ทำให้ลิลลี สามารถร่ายมนตร์ รวมทั้งมีอำนาจประมือ กับเพศชายตัวใหญ่ ๆ ได้ก่อนที่จะจับกลุ่มกับ 3 สาวที่เหลือ
แล้วก็เพียงพอ จำเป็นต้องชี้แจง โซอี ลิสเตอร์ โจนส์ ก็ดันลนลาน กับการเล่าเรื่องจนกระทั่ง เลอะเทอะไปหมด พวกเราเลยได้มองเห็นฉากฮา ๆ อย่าง เดวิด มองคอฟนี ในบท อดัม กำลังไลฟ์ผู้ฝึกสอนเหล่าชาตินักรบได้อย่างแข็งทื่อและก็ซื่อจนกระทั่งคงจะได้รับ “เกลียดชัง” ให้ชิงแรซซีอวอร์ดปีถัดไป หรือจู่ ๆ ลิลลี ก็จำต้องไปพบความเป็นจริงสุดช็อก(มั้ยนะ ?) ในส่วนท้ายเรื่องเพื่อแถให้มันเกี่ยวกับหนังภาคแรก (ซึ่งแบบอย่างหนังแอบสปอยล์ไปแล้วด้วย)
มิหนำซ้ำมองจบแล้ว พวกเราก็ยังไม่รู้เรื่องอยู่ดีว่า ตัวนำอีกทั้ง ลิลลี ลอร์เดส แฟรงกี แล้วก็ แท็บบี เป็นคนไหนมีปัญหาอะไรบ้างตลอดจนความเกี่ยวเนื่องที่หนังไม่ปูอะไรเลยเว้นเสียแต่ฉากร่ายเวทมนตร์คาถาด้วยกัน ส่วนการรีเมกฉากที่อ้างอิง จากหนังภาคแรก ที่เป็นการด้วยกันร่ายมนตร์ แล้วเพื่อนฝูงลอยตัวได้ หนังก็พรีเซนเทชั่นแบบผ่าน ๆ จนกระทั่งเสมือนไม่จำเป็น ผลสรุปเลยแปลงเป็นพวกเรา ดูหนังที่พลอตอีรุงตุงนัง
แต่ว่าชี้แจงอะไร ไม่สะสางซักอย่าง บทคิดจะยัดอะไร ก็ใส่เข้ามาแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย กระทั่งโชคร้าย เงื่อนร่วมยุคที่บทพากเพียร บอกรวมทั้งการแสดง ที่ราวกับผู้แสดงทุกคนมองเป็นหุ่นเชิดไม่น่าจำรวมทั้งมองแข็งทื่อไปหมด ทั้งที่ประพฤติดี ๆ มันบางทีอาจพาหนังไปสู่การวิพากษ์วิจารณ์อำนาจของผู้ชายรวมทั้งการบ้านการเมืองเรื่องเพศราวกับที่มันตั้งมั่นไว้ ท้ายที่สุดมันจึงกลายเป็นหนังภาคต่อประสิทธิภาพลงสตรีมมิงที่ดันได้ฉายโรงเพราะเหตุว่าขาดหนังฮอลลีวูดที่หนีตายไปฉายปีถัดไปกันหมดแทน ฉากไลฟ์โค๊ชของเดวิด มองคอฟนี จะเปลี่ยนเป็นซีนอดสูส่งให้เขาได้โอกาสได้เข้าชิงรางวัลดาราสมทบชายยอดห่วยแตกปีต่อไป